CLOUD คืออะไร?
ตัดสินใจใช้ CLOUD ได้หรือยัง?

CLOUD คืออะไร? ยุคของโลกดิจิตอลปัจจุบัน ทุกคนน่าจะได้ยินคำว่า Cloud มาแล้วมากมาย แต่ก็ยังมีหลายคน หลายบริษัท หลายองค์กร หลายสถาบัน ที่ยังไม่หันมาใช้ Cloud กันอย่างจริงจัง อาจเพราะยังไม่เห็นถึงความสำคัญ และความจำเป็น อาจคิดว่าข้อมูลไม่ได้เยอะมาก หรืออาจคิดว่าวิธีที่ใช้อยู่ปัจจุบันเก็บข้อมูลไว้ได้ดีอยู่แล้ว…..จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะย้ายไปใช้ Cloud

CLOUD คืออะไร?
มารู้จัก Cloud กัน

Cloud Storage คือ การเก็บข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตที่มีการจัดการและดำเนินการโดยผู้ให้บริการคลาวด์ ซึ่งจัดสรรความจุในการเก็บข้อมูลให้โดยที่คุณไม่ต้องซื้อหรือจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบการจัดเก็บข้อมูลใดๆ การใช้ Cloud Storage ทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและทนทาน Application สามารถเข้าถึงข้อมูลได้าผ่าน Protocol การจัดการข้อมูลทั้งรูปแบบเดิม หรือผ่าน API โดยตรง

ประเภทของบริการ Cloud (Cloud Services) สำหรับบริการ Cloud ทุกประเภท การประมวลผลแบบ Cloud ก็ได้มอบฟังก์ชั่นต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้งาน ดังนี้

• อีเมล์
• การจัดเก็บ สำรอง และการดึงข้อมูล
• การสร้างและทดสอบแอปพลิเคชั่น
• การวิเคราะห์ข้อมูล
• การสตรีมเสียงและวิดีโอ
• การส่งมอบซอฟท์แวร์ตามต้องการ

การประมวลผลแบบ Cloud นับเป็นบริการที่ค่อนข้างใหม่ แต่ก็มีหลายองค์กรที่นำมาใช้ ตั้งแต่ธุรกิจระดับใหญ่ถึงธุรกิจขนาดเล็ก องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรจนถึงหน่วยงานภาครัฐ กระทั่งบุคคลทั่วไป

CLOUD คืออะไร?
ทำไมต้องใช้ CLOUD??

6 ข้อดีของ Cloud Storage

1. สำรองข้อมูลบน Cloud เคยไหมกับการเก็บข้อมูลไว้ที่ Flash Drive หรือ External Hard Drive เก็บไว้ด้วยความมั่นใจและดูแลไม่ให้กระแทกหรือหายแทบแย่ และแล้วมันก็เสีย จริงที่คุณอาจแจ้งให้ผู้เชี่ยวชาญกู้ข้อมูลบางส่วนมาได้ แม้ราคาจะแพง แต่ก็ไม่เสมอไป หรืออย่างน้อยก็กู้ได้เพียงบางส่วน แต่หากมันไม่แค่เสีย แต่มันหายไป โทรศัพท์หาย แล็ปท็อปหาย คุณจะไม่มีวันกู้คืนได้ ดังนั้น Cloud Storage เป็นทางออกทางเดียวที่คุณจะเก็บข้อมูลไว้ได้อย่างปลอดภัยและเข้าถึงได้ตลอดเวลา และดีกว่าเมื่อผู้ให้บริการคลาวด์จัดการเก็บข้อมูลของคุณไว้หลายชุด เผื่อมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เช่น ภัยธรรมชาติ ผู้ให้บริการคลาวด์ก็สามารถกู้ข้อมูลให้คุณได้ (disaster recovery)
2. ไม่ต้องแบก External Hard Drive คุณสามารถพกพาข้อมูลของคุณไปได้ทุกที่เมื่อคุณเก็บมันไว้บน Cloud เลิกพก Flash Drive หรือ Hard Drive หนักๆ ไปได้เลย
3. อัพเดทข้อมูลได้ด้วยการ Remote คุณสามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม ไฟล์ข้อมูลของคุณได้โดยไม่ต้องคัดลอกจากอุปกรณ์หนึ่งสู่อีกอุปกรณ์ให้วุ่นวาย เพราะคุณจะเข้าถึงมันได้ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม
4. ง่ายในการแชร์ไฟล์ คุณสามารถแชร์ไฟล์ข้อมูลบน Cloud ได้โดยไม่ต้องส่งอีเมล์หรือใช้บริการถ่ายโอนไฟม่ต้องไปออฟฟิศ ไม่ต้องวิ่งกลับบ้านเพราะลืมแล็ปท็อป ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลและทำงานบน Cloud ได้อย่างสะดวก แม้จะทำงานค้างไว้ คุณก็สามารถเข้าถึงเพื่อทำงานต่อได้ทันที และยังสามารถแชร์ไฟล์ข้อมูลเพื่อทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย
5. เข้ารหัสไฟล์ หลายคนคิดว่าการเก็บไฟล์แบบออฟไลน์ จะปล่อยภัยกว่าการนำไฟล์ไว้บน Cloud หรืออินเตอร์เน็ต การเก็บไฟล์ไว้ในอุปกรณ์ของคุณ ก็อาจทำให้ Hacker บุกเข้าอุปกรณ์ของคุณและนำข้อมูลไปเรียกค่าไถ่กับคุณ หรือไม่อุปกรณ์ของคุณก็อาจมีปัญหาจนทำให้สูยเสียข้อมูลอย่างถาวร ในขณะที่การเก็บไฟล์ข้อมูลบน Cloud จะมีการเข้ารหัสไฟล์ ซึ่งเป็นกระบวนการ String ของ Code ที่อ่านไม่ได้ ต้องอ่านโดยใช้คีย์เข้ารหัสเท่านั้น การเข้ารหัสจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ของคุณก่อนที่ไฟล์จะถูกส่งไปยังระบบ Cloud คุณเป็นคนถือกุญแจเข้ารหัส นั่นหมายความว่า คุณเท่านั้นที่สามารถดูไฟล์พวกนั้นได้
6. เก็บข้อมูลได้นานตลอดไป เมื่อคุณหันมาใช้บริการเก็บข้อมูลบน Cloud คุณก็ไมต้องเปลื่ยนแปลงอุปกรณ์อีกแล้ว คุณสามารถใช้บริการได้ยาวๆ มีทั้งแผนบริการรายเดือนและรายปีให้พิจารณาให้เลือกใช้บริการ

ข้อดีของการใช้ Cloud สำหรับองค์กร

ไม่ว่าองค์กรจะประสบภัยธรรมชาติ ไฟฟ้าขัดข้อง หรือสถานการณ์วิกฤตใดๆ การเก็บข้อมูลขององค์กรบน Cloud จะช่วยสำรองและปกป้องข้อมูลของคุณได้โดยปลอดภัย และสามารถนำองค์กรกลับสู่การเข้าถึงข้อมูลอีกครั้งอย่างรวมเร็ว เพื่อดำเนินธุรกิจได้ต่อไป เสียเวลาสักหน่อยกับการทบทวนเพื่อเปลี่ยนที่จัดเก็บข้อมูลขององค์กร ปรึกษาผู้ให้บริการ Cloud เพื่อจัดพื้นที่ความจุที่เหมาะสมและจัดการระบบที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า เพื่อข้อมูลอันมีค่าขององค์กรของคุณ

1. ประหยัดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็น Hardware การบำรุงรักษา รวมถึงบุคคลากรที่ต้องดูแลอุปกรณ์ Hardware ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่มีนัยสำคัญได้
2. สะดวกสบาย สำนักงานของคุณจะไม่ต้องเสียพื้นที่ให้วัสดุอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่จำเป็น ผู้ให้บริการ Cloud จะเป็นผู้ดูแล จัดการ และหา Solution ที่ครอบคลุมการใช้งานที่จำเป็นสำหรับการเก็บและรักษาข้อมูลให้
3. ความปลอดภัย การเก็บข้อมูลบน Cloud มีการสำรองข้อมูลไว้ใน Server หลายเครื่อง หากเครื่องใดเครื่องหนึ่งขัดข้อง ข้อมูลของคุณก็ยังปลอดภัยพร้อมให้คุณเข้าถึงได้ทันที ต่างจากการใช้อุปกรณ์ hardware ในการเก็บข้อมูล เมื่ออุปกรณ์นั้นเสีย ข้อมูลของคุณก็สูญหายทันที
4. ข้อมูลเคลื่อนที่ หลายธุรกิจไม่ว่าขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ต่างหันมาใช้ Cloud ทำให้สามารถทำงานได้ตลอดเวลา และมีประสิทธิภาพ  กำจัดภาระการคัดลอกไฟล์ ถ่ายโอนไฟล์ หรือการเพิ่มไฟล์บนทุกอุปกรณ์ของคุณ ออกจากชีวิตการทำงานได้อย่างสิ้นเชิง
5. ปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บได้ตามต้องการ จ่ายค่าพื้นที่ตามที่ใช้ ไม่ต้องจ่ายเผื่อ
   

ประเภทของ Cloud ตามรูปแบบการเข้าถึงข้อมูลที่แตกต่างกัน

1. Public Cloud เป็นการบริการพื้นที่เก็บข้อมูลแบบหลายผู่เช่า ข้อมูลถูกจัดเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูล และโดยทั่วไป ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ตามการใช้งาน แต่ในหลายกรณี ก็ยังมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมตามความถี่และปริมาณข้อมูลที่เข้าถึง 
2. Private Cloud เป็นการบริการพื้นที่เก็บข้อมูลบน Cloud ส่วนตัว ที่มีสภาพแวดล้อมเฉพาะ ซึ่ง Private Cloud เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการปรับแต่งและควบคุมข้อมูลของคนเองได้มากขึ้น หรือผู้ที่มีความปลอดภัยของข้อมูลหรือมีระเบียบที่เข้มงวด
3. Hybrid Cloud เป็นตัวที่ผสมผสานระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud โดยมีการจัดการหลายชั้นเพื่อรวมทั้งสองประเภทดังกล่าว ทำให้มีความยืดหยุ่นทางธุรกิจ เช่น องค์กรอาจจัดเก็บข้อมูลที่มีใช้งานและมีโครงสร้างบน Private Cloud และ เก็บข้อมูลที่ต้องเก็บแบบถาวรและไม่มีโครงสร้างไว้บน Public Cloud เป็นต้น
   

ไม่มีเหตุผลใดที่คุณหรือองค์กรของคุณจะไม่ได้ประโยชน์จากการจัดเก็บรักษาข้อมูลไว้บน Cloud  “ เมื่อใครๆ ก็ใช้ Cloud ”

Credit : https://www.cloudwards.net/the-risks-and-benefits-of-cloud-storage/

Credit : https://aws.amazon.com/what-is-cloud-storage/

Credit : https://www.marconet.com/blog/5-advantages-of-cloud-storage-for-businesses

Credit : https://www.techtarget.com/searchstorage/definition/cloud-storage

TECHSCAPE
SCAPE OF ..THE FUTURE..